ผมชอบกระบวนการโค้ชชิ่งมาก เพราะเมื่อเรากำลังโค้ชชิ่งผู้อื่นโดยการใช้คำถามให้โค้ชชี่คิดในประเด็นที่เป็นปมของการค้นพบตัวเอง ทำให้มองเห็นตัวเอง หากเราคิดตามไปด้วยก็จะทำให้เรามองเห็นตัวเองในเรื่องคล้ายๆกันด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ได้ประโยชน์คือโค้ชตัวเองไปด้วยเท่าเป็นการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา คุ้มจริงๆ ผมพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นโค้ชที่ดี ไม่ใช่โค้ชที่เก่ง เพราะผมคิดว่าโค้ชไม่ควรเก่ง แต่สามารถใช้เทคนิคและกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อโค้ชชี่ได้ดี ทำให้โค้ชชิ่งมองเห็นตัวเอง และยอมรับได้เร็ว ค้นหาทางเลือกที่เหมาะสมของตัวเองได้ และกล้าในการตัดสินใจ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าโค้ชชี่ แต่ควรให้ความสนใจ เอาใจใส่ในประเด็นของโค้ชชี่แล้วช่วยให้โค้ชชี่คิด พอใช้คำถามให้โค้ชชี่คิด เช่น คุณรู้สึกอย่างไรหากมีคนเอาเรื่องของคุณไปนินทา? : ผมก็เกิดความรู้สึกเล็กๆเหมือนกัน ทำให้ผมรีบสร้างทางเลือกของตัวเองทันทีคือยอมรับว่าบางคนอาจไม่เข้าใจเจตนา จึงเอาเรื่องของเราไปพูดในทางที่ไม่ดี ทำให้สบายใจขึ้น คุณคิดว่าเป้าหมายที่คุณกำหนดขึ้นมีคุณค่ากับคุณมากแค่ไหน? : บางครั้งผมก็หวนคิดถึงเป้าหมายของตัวเองอีกหลายอย่างที่ชะลออยู่ คงเป็นเพราะเราเริ่มเห็นคุณค่าน้อยลงแน่เลย คุณจะทำอย่างไรให้ปัญหาเล็กลงแล้วสามารถแก้ไขได้? : ทุกครั้งที่ถามคำถามนี้ผมจะคิดถึงปัญหาที่เราเครียดและกังวลอยู่ขึ้นมาทันที แล้วแนวทางคร่าวๆของเราก็จะถูกคิดขึ้นมาเล็กน้อยด้วย คุณสามารถจัดการอารมณ์เชิงลบนี้ได้อย่างไรบ้าง? : ทุกคนมีอารมณ์เชิงลบเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ คำถามนี้ทำให้ผมมีเทคนิคเพิ่มขึ้นในการจัดการอารมณ์เชิงลบ ของตัวเองเพราะผมก็ต้องคิดตามด้วย แล้วบางครั้งก็ได้เทคนิคดีๆจากโค้ชชี่ทำให้สามารถนำเทคนิคต่างๆไปถ่ายทอดให้กับผู้อื่นต่อไปได้ เห็นไหมครับว่า เมื่อไหร่ที่ถามโค้ชชี่ เราก็อดคิดตามไปด้วยไม่ได้ ทำให้เราโค้ชตัวเองไปด้วย สนุกจริงๆ ได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆเสมือนหนึ่งพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ถามว่าแล้วจะมีสมาธิโค้ชชิ่งหรือ คำตอบคือเราโดนตัวเอง โค้ชชี่ก็โดนของเขาต่างคนต่างเห็นต่าง ต่างคนต่างคิด และต่างคนต่างเลือกทางของตัวเองครับ