|
เป็นเทคนิคที่ได้พัฒนาทั้งคนที่เป็นโค้ชและโค้ชชี่ไปพร้อมกัน ด้วยเป้าหมายร่วมกันด้วยการตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย หากโค้ชชี่ไม่สะดวกใจในการโค้ชก็หยุดได้ทันทีไม่มีการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวเพราะผู้เป็นโค้ชชี่เลือกเองว่าจะตอบอย่างไร ส่วนผู้เป็นโค้ชก็ได้พัฒนาเรื่องของการฟังด้วยความนิ่ง และอดทนจนกว่าจะได้วิธีการที่โค้ชชี่เลือกไปทำด้วยตนเอง |
|
|
เป็นการดึงศักยภาพผู้เรียนรู้อย่างแท้จริง เพราะคนเป็นโค้ชทำบทบาทเพียงแค่ตั้งคำถาม ให้โค้ชชี่ตอบ หากโค้ชชี่ตอบออกมาหรือตอบในใจก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นนั่นคือคำถามได้ผ่านเข้าไปในกระบวนการคิดแล้ว ด้วยธรรมชาติของคนมักเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองเพื่อนำไปเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นแน่นอน |
|
|
เป็นการพัฒนาอย่างอิสระต่อกัน โค้ชชี่ไม่ต้องกังวลว่า หัวหน้าหรือโค้ชจะมากำหนดวิธีการให้โดยที่เราไม่ชอบ หรือต้องหาเหตุผลมาหักล้าง แต่สิ่งที่โค้ชชีทำคือ เลือกจุดแข็งของตนเอง มีเป้าหมายในการพัฒนา และหาวิธีการตามที่ถนัด พัฒนาไปเรื่อยๆ ทีละน้อย ค่อยๆเปลี่ยนจนกว่าจะสำเร็จ ด้วยการมีโค้ชเป็นผู้ให้กำลังใจในการพัฒนาด้วยการคอยถามให้โค้ชชี่นึกถึงความภาคภูมิใจในการเติมพลังในเปลี่ยนแปลงได้ยาวนานขึ้น อย่างมีความสุข |
|
|
เป็นการดำเนินชีวิตด้วยวิถีคนคิดเชิงบวก หากมีพื้นฐานของการคิดเชิงบวกแล้วย่อมทำให้ทั้งผู้เป็นโค้ชและโค้ชชี่ มีความคิดในการเดินผ่านแต่ละด่านการฝึกฝนได้อย่างมีความสุข ด้วยความคิดที่ว่า “มีความสุขทุกก้าวย่างแห่งการเดิน เพลิดเพลินกับการพัฒนา นำพาความสำเร็จสู่เป้าหมายแน่นอน” |